ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อาวุธนิวเคลียร์ เป็นวัตถุระเบิดซึ่งมีอำนาจทำลายล้างมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร์

อาวุธนิวเคลียร์ เป็นวัตถุระเบิดซึ่งมีอำนาจทำลายล้างมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันอย่างเดียว หรือ นิวเคลียร์ฟิชชันและนิวเคลียร์ฟิวชันรวมกัน ปฏิกิริยาทั้งสองปลดปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาลจากสสารปริมาณค่อนข้างน้อย การทดสอบระเบิดฟิชชัน (อะตอม) ลูกแรกปลดปล่อยพลังงานออกมาเทียบเท่ากับทีเอ็นทีประมาณ 20,000 ตัน การทดสอบระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ (ระเบิดไฮโดรเจน) ลูกแรก ปลดปล่อยพลังงานออกมาเท่ากับทีเอ็นทีประมาณ 10,000,000 ตัน[1]...
อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์สมัยใหม่ที่หนักกว่า 1,100 กิโลกรัมเล็กน้อย สามารถก่อให้เกิดแรงระเบิดเทียบเท่ากับการจุดระเบิดทีเอ็นทีมากกว่า 1.2 ล้านตัน ดังนั้น กระทั่งวัตถุนิวเคลียร์ลูกเล็ก ๆ ที่ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าระเบิดธรรมดา สามารถทำลายล้างนครทั้งนครได้ ด้วยแรงระเบิดไฟและกัมมันตรังสี อาวุธนิวเคลียร์ถูกพิจารณาว่าเป็นอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง และการใช้และควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ได้กลายเป็นจุดสนใจสำคัญของนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนับแต่ถือกำเนิดขึ้น มีอาวุธนิวเคลียร์เพียงสองชิ้นเท่านั้นที่เคยใช้ตลอดห้วงการสงคราม ทั้งสองครั้งโดยสหรัฐอเมริกายามสงครามโลกครั้งที่สองใกล้ยุติ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 วัตถุประเภทจุดระเบิดยูเรเนียม (uranium gun-type) ชื่อรหัสว่า "ลิตเติลบอย" ถูกจุดระเบิดเหนือนครฮิโรชิมะของญี่ปุ่น อีกสามวันให้หลัง วันที่ 9 สิงหาคม วัตถุประเภทจุดระเบิดภายในพลูโตเนียม (plutonium implosion-type) ชื่อรหัสว่า "แฟตแมน" ระเบิดเหนือนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น การทิ้งระเบิดทั้งสองลูกส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไปประมาณ 200,000 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน จากการบาดเจ็บฉับพลันที่ได้รับจากการระเบิด[2] นับแต่การทิ้งระเบิดฮิโรชิมะและนางาซากิ อาวุธนิวเคลียร์ถูกจุดระเบิดกว่าสองพันโอกาสเพื่อจุดประสงค์ด้านการทดสอบและสาธิต มีเพียงไม่กี่ชาติที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์หรือถูกสงสัยว่ากำลังแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศที่ทราบว่าเคยจุดระเบิดอาวุธนิวเคลียร์ และได้รับการรับรองว่าครอบครองอาวุธนิวเคีลยร์ คือ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต (รัสเซียเป็นผู้สืบทอดอำนาจนิวเคลียร์) สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ นอกเหนือจากนี้ อิสราเอลยังถูกเชื่ออย่างกว้างขวางว่าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ได้รับการรับรองว่ามี[3][4] รัฐหนึ่ง แอฟริกาใต้ เคยยอมรับว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำขึ้นก่อนหน้านี้ในอดีต แต่นับแต่นั้นได้แยกประกอบคลังแสงของตนและส่งให้กับผู้คุ้มครองนานาชาติ[5] สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกาประเมินว่ามีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 15,700 หัวทั่วโลกใน พ.ศ. 2558 โดยมีราว 4,120 หัวถูกเก็บไว้ในสถานะ "ปฏิบัติการ" คือ พร้อมใช้งานได้ทันที[3] อาวุธนิวเคลียร์เพียงสองชิ้นเท่านั้นที่เคยใช้ตลอดห้วงการสงคราม ทั้งสองครั้งโดยสหรัฐอเมริกายามสงครามโลกครั้งที่สองใกล้ยุติ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 วัตถุประเภทจุดระเบิดยูเรเนียม (uranium gun-type) ชื่อรหัสว่า "ลิตเติลบอย" ถูกจุดระเบิดเหนือนครฮิโรชิมะของญี่ปุ่น อีกสามวันให้หลัง วันที่ 9 สิงหาคม วัตถุประเภทจุดระเบิดภายในพลูโตเนียม (plutonium implosion-type) ชื่อรหัสว่า "แฟตแมน" ระเบิดเหนือนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น การทิ้งระเบิดทั้งสองลูกส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไปประมาณ 200,000 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน จากการบาดเจ็บฉับพลันที่ได้รับจากการระเบิด[2] นับแต่การทิ้งระเบิดฮิโรชิมะและนางาซากิ อาวุธนิวเคลียร์ถูกจุดระเบิดกว่าสองพันโอกาสเพื่อจุดประสงค์ด้านการทดสอบและสาธิต มีเพียงไม่กี่ชาติที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์หรือถูกสงสัยว่ากำลังแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศที่ทราบว่าเคยจุดระเบิดอาวุธนิวเคลียร์ และได้รับการรับรองว่าครอบครองอาวุธนิวเคีลยร์ คือ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต (รัสเซียเป็นผู้สืบทอดอำนาจนิวเคลียร์) สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ นอกเหนือจากนี้ อิสราเอลยังถูกเชื่ออย่างกว้างขวางว่าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ได้รับการรับรองว่ามี[3][4] รัฐหนึ่ง แอฟริกาใต้ เคยยอมรับว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำขึ้นก่อนหน้านี้ในอดีต แต่นับแต่นั้นได้แยกประกอบคลังแสงของตนและส่งให้กับผู้คุ้มครองนานาชาติ[5] สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกาประเมินว่ามีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 15,700 หัวทั่วโลกใน พ.ศ. 2558 โดยมีราว 4,120 หัวถูกเก็บไว้ในสถานะ "ปฏิบัติการ" คือ พร้อมใช้งานได้ทันที
ถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากมีมาตรการและกระบวนการตรวจสอบต่าง ๆ ที่เข้มงวดและรัดกุมหลายขั้นตอน แต่ก็อาจเกิดเหตุขัดข้องหรืออุบัติเหตุได้เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าทั่วไป ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดได้ง่ายขึ้น ป้องกันการสับสน และไม่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกินกว่าสถานการณ์ที่แท้จริง ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA : International Atomic Energy Agency) ร่วมกับองค์กร Nuclear Energy Agency Organization for Economic Cooperation and Development (NEA/OECD) ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับใช้รายงานอุบัติเหตุโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นในปี พ.ศ.2533 โดยเรียกว่า มาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES: International Nuclear Event Scale) โดยกำหนดเป็นมาตราสากล ตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 7 เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 0 ระดับเหตุการณ์ปกติ (Deviation) หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัย ระดับที่ 1-3 ระดับแจ้งเหตุขัดข้องหรืออุบัติการณ์นิวเคลียร์ (Nuclear incident) หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขัดข้องในโรงงานนิวเคลียร์ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ไม่รุนแรงเท่าอุบัติเหตุนิวเคลียร์ ระดับที่ 4-7 ระดับอุบัติเหตุนิวเคลียร์ (Nuclear accident) หมายถึง เหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิด ขึ้นในโรงงานนิวเคลียร์โดยไม่เจตนา รวมถึงความผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางนิวเคลียร์ หรือของอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัย ทำให้มีการปลดปล่อย หรือเกือบมีการปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกสู่สิ่งแวดล้อม ผลกระทบของนิวเคลียร์ต่อชีวิต และการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม เป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษแล้ว ที่เกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุนิวเคลียร์กลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เกิดการปนเปื้อนกัมมันตรังสีพื้นที่ขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป คนรุ่นปัจจุบันอาจจำไม่ได้ว่า หลายประเทศต้องทำลายผักโขมและผักสีเขียวอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี มีการยกเลิกการบริโภคนม และวัวทั่วยุโรปต้องถูกกักไว้ในคอกเท่านั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้กวางขนาดใหญ่จำนวนมากในแลปแลนด์ แกะในเลคดิสทริคของประเทศอังกฤษ และหมูป่าในแทบชวาร์ซวาลด์ของประเทศเยอรมนี ต้องถูกฆ่าทิ้งเนื่องจากพวกมันปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่สูงเกินไป โรงเรียนอนุบาลที่ถูกทิ้งร้างในพริเพียต เมืองที่มีประชากรกว่า 50,000 คนถูกทิ้งร้างหลังจาก เหตุการณ์เชอร์โนบิลผ่านไป 3 วัน เมืองนี้ถูกปนเปื้อนด้วยกัมมันตรังสี ปัจจุบันพริเพียตยังคงเป็นเขตที่มีการปนเปื้อนสูงและไม่อนุญาตให้ผู้คนกลับเข้าไปอยู่อาศัย ในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบสูงสุดคือ ประเทศเบลารุส ยูเครน และรัสเซีย พื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรยังคงเป็นพื้นที่ปนเปื้อนเกินที่จะมีผู้คนกลับเข้ามาอยู่อาศัยได้ และผู้คนอีกหลายล้านคนในบริเวณห่างออกไปยังคงต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เพราะอาจเสี่ยงกับสารปนเปื้อน ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2529 เด็กๆที่อยู่ในรัศมีที่กัมมันตรังสีสามารถแผ่ไปถึงต่างป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คนจากสารกัมมันตรังสีจากเหตุการณ์นี้ เหตุการณ์ที่ว่านั่นคือ หายนะภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิล ต่อมาในปี พ.ศ.2554 เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นซ้ำในญี่ปุ่น ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและทำให้เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิได้รับความเสียหาย จนเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีปริมาณมหาศาล เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้คนเกือบแสนคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่สามารถกลับบ้านเดิมของเขาได้ วิถีชีวิตรอบๆโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เสียหายนั้นหยุดชะงักจนกระทั่งปัจจุบัน นี่เป็นสิ่งที่เราทราบจากประสบการณ์ตรงว่าพลังงานนิวเคลียร์นั้น มาพร้อมกับความเสี่ยงขั้นรุนแรง หลังการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ผู้คนต่างหวาดกลัวการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีสู่สิ่งแวดล้อม หลายประเทศยุติการนำเข้าอาหารทะเลจากฟุกุชิมะ เกิดความหวาดกลัวว่าเด็กๆในรัศมีใกล้เคียงอาจได้รับการแผ่รังสีและมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งดังเช่นเหตุการณ์ในเชอร์โนบิล ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในฟุกุชิมะ ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นถึงความเสียหายของเตาปฏิกรณ์ที่ 1 ของโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2554 จากรายงาน Radiation Reloaded กล่าวว่า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของหายนะภัยนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิจะยังคงอยู่ไปอีกหลายสิบปีหรืออาจนับร้อยปี เนื่องจากสารประกอบของกัมมันตภาพรังสีนั้นซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อของพืชและสัตว์ และเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และมีการแพร่กระจายปนเปื้อนลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกโดยพายุไต้ฝุ่น การละลายของน้ำแข็ง และการเกิดน้ำท่วม จากรายงานดังกล่าว กรีนพีซได้สำรวจระดับการปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ฟุกุชิมะ 25 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2554 โดยในปี พ.ศ.2558 เน้นการสำรวจไปที่พื้นที่ป่าไม้บนภูเขา ในเขตอิตาเตะ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ โดยทั้งกรีนพีซและทีมวิจัยอิสระได้ตรวจพบการเคลื่อนย้ายแพร่กระจายของกัมมันตรังสีที่สันปันน้ำของภูเขา ซึ่งหลังจากนั้นอาจเข้าสู่ระบบนิเวศชายฝั่งทะเล แม่น้ำอาบุกุมะ ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายใหญ่ของญี่ปุ่นที่ไหลผ่านพื้นที่ฟุกุชิมะ มีระดับการปนเปื้อนซีเซียม 137 ที่ 111 เทราเบคเคอเรล (terabecquerel, TBq) และที่ 44 เทราเบคเคอเรล (terabecquerel, TBq) ภายใน 100 ปี หลังจากหายนะภัย เป็นที่ชัดเจนว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงแรกกำลังปรากฎ อาทิ การปนเปื้อนกัมมันตรังสีในเนื้อเยื่อของพืชป่าและต้นไม้ ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของธาตุซีเซียมในเปลือกไม้ เนื้อไม้และแก่นไม้ โดยมีความเข้มข้นสูงในใบไม้ใหม่ สำหรับกรณีของต้นซีดาร์จะพบมากที่เกสร ปริมาณระดับรังสีจะมีมากขึ้นในต้นสน นอกจากนี้ยังพบในประชากรผีเสื้อพันธุ์ Pale Grass Blue หนอนที่ดีเอ็นเอได้รับความเสียหายพบในบริเวณที่มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีสูง พบธาตุซีเซียมปนเปื้อนในปลาน้ำจืดเศรษฐกิจ นกนางแอ่นบ้านมีความแข็งแรงน้อยลง รวมถึงพบการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในระบบนิเวศที่สำคัญอย่างยิ่งของพื้นที่ชายฝั่งปากแม่น้ำ เราจำเป็นต้องมีระบบพลังงานที่สามารถต่อกรกับวิกฤตสภาพอากาศ ที่มีพื้นฐานอยู่บนระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานนิวเคลียร์มีน้อยกว่าไฟฟ้าจากระบบพลังงานหมุนเวียน และจะยังคงลดลงต่อไปในอีกหลายปีที่กำลังจะมาถึง การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมีค่าใช้จ่ายหลายสิบล้านล้านบาท อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเหมือนกับเหตุการณ์เชอร์โนบิลหรือเหตุการณ์ในฟุกุชิมะและจะก่อให้เกิดกากกัมมันตภาพรังสีในระดับสูงที่ทำให้เสียชีวิตได้ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มอย่างรวดเร็ว เป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษแล้ว ที่เกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุนิวเคลียร์กลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เกิดการปนเปื้อนกัมมันตรังสีพื้นที่ขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป คนรุ่นปัจจุบันอาจจำไม่ได้ว่า หลายประเทศต้องทำลายผักโขมและผักสีเขียวอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี มีการยกเลิกการบริโภคนม และวัวทั่วยุโรปต้องถูกกักไว้ในคอกเท่านั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้กวางขนาดใหญ่จำนวนมากในแลปแลนด์ แกะในเลคดิสทริคของประเทศอังกฤษ และหมูป่าในแทบชวาร์ซวาลด์ของประเทศเยอรมนี ต้องถูกฆ่าทิ้งเนื่องจากพวกมันปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่สูงเกินไป โรงเรียนอนุบาลที่ถูกทิ้งร้างในพริเพียต เมืองที่มีประชากรกว่า 50,000 คนถูกทิ้งร้างหลังจาก เหตุการณ์เชอร์โนบิลผ่านไป 3 วัน เมืองนี้ถูกปนเปื้อนด้วยกัมมันตรังสี ปัจจุบันพริเพียตยังคงเป็นเขตที่มีการปนเปื้อนสูงและไม่อนุญาตให้ผู้คนกลับเข้าไปอยู่อาศัย ในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบสูงสุดคือ ประเทศเบลารุส ยูเครน และรัสเซีย พื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรยังคงเป็นพื้นที่ปนเปื้อนเกินที่จะมีผู้คนกลับเข้ามาอยู่อาศัยได้ และผู้คนอีกหลายล้านคนในบริเวณห่างออกไปยังคงต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เพราะอาจเสี่ยงกับสารปนเปื้อน ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2529 เด็กๆที่อยู่ในรัศมีที่กัมมันตรังสีสามารถแผ่ไปถึงต่างป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คนจากสารกัมมันตรังสีจากเหตุการณ์นี้ เหตุการณ์ที่ว่านั่นคือ หายนะภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิล ต่อมาในปี พ.ศ.2554 เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นซ้ำในญี่ปุ่น ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและทำให้เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิได้รับความเสียหาย จนเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีปริมาณมหาศาล เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้คนเกือบแสนคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่สามารถกลับบ้านเดิมของเขาได้ วิถีชีวิตรอบๆโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เสียหายนั้นหยุดชะงักจนกระทั่งปัจจุบัน นี่เป็นสิ่งที่เราทราบจากประสบการณ์ตรงว่าพลังงานนิวเคลียร์นั้น มาพร้อมกับความเสี่ยงขั้นรุนแรง หลังการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ผู้คนต่างหวาดกลัวการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีสู่สิ่งแวดล้อม หลายประเทศยุติการนำเข้าอาหารทะเลจากฟุกุชิมะ เกิดความหวาดกลัวว่าเด็กๆในรัศมีใกล้เคียงอาจได้รับการแผ่รังสีและมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งดังเช่นเหตุการณ์ในเชอร์โนบิล ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในฟุกุชิมะ ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นถึงความเสียหายของเตาปฏิกรณ์ที่ 1 ของโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2554 จากรายงาน Radiation Reloaded กล่าวว่า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของหายนะภัยนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิจะยังคงอยู่ไปอีกหลายสิบปีหรืออาจนับร้อยปี เนื่องจากสารประกอบของกัมมันตภาพรังสีนั้นซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อของพืชและสัตว์ และเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และมีการแพร่กระจายปนเปื้อนลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกโดยพายุไต้ฝุ่น การละลายของน้ำแข็ง และการเกิดน้ำท่วม จากรายงานดังกล่าว กรีนพีซได้สำรวจระดับการปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ฟุกุชิมะ 25 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2554 โดยในปี พ.ศ.2558 เน้นการสำรวจไปที่พื้นที่ป่าไม้บนภูเขา ในเขตอิตาเตะ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ โดยทั้งกรีนพีซและทีมวิจัยอิสระได้ตรวจพบการเคลื่อนย้ายแพร่กระจายของกัมมันตรังสีที่สันปันน้ำของภูเขา ซึ่งหลังจากนั้นอาจเข้าสู่ระบบนิเวศชายฝั่งทะเล แม่น้ำอาบุกุมะ ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายใหญ่ของญี่ปุ่นที่ไหลผ่านพื้นที่ฟุกุชิมะ มีระดับการปนเปื้อนซีเซียม 137 ที่ 111 เทราเบคเคอเรล (terabecquerel, TBq) และที่ 44 เทราเบคเคอเรล (terabecquerel, TBq) ภายใน 100 ปี หลังจากหายนะภัย เป็นที่ชัดเจนว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงแรกกำลังปรากฎ อาทิ การปนเปื้อนกัมมันตรังสีในเนื้อเยื่อของพืชป่าและต้นไม้ ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของธาตุซีเซียมในเปลือกไม้ เนื้อไม้และแก่นไม้ โดยมีความเข้มข้นสูงในใบไม้ใหม่ สำหรับกรณีของต้นซีดาร์จะพบมากที่เกสร ปริมาณระดับรังสีจะมีมากขึ้นในต้นสน นอกจากนี้ยังพบในประชากรผีเสื้อพันธุ์ Pale Grass Blue หนอนที่ดีเอ็นเอได้รับความเสียหายพบในบริเวณที่มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีสูง พบธาตุซีเซียมปนเปื้อนในปลาน้ำจืดเศรษฐกิจ นกนางแอ่นบ้านมีความแข็งแรงน้อยลง รวมถึงพบการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในระบบนิเวศที่สำคัญอย่างยิ่งของพื้นที่ชายฝั่งปากแม่น้ำ เราจำเป็นต้องมีระบบพลังงานที่สามารถต่อกรกับวิกฤตสภาพอากาศ ที่มีพื้นฐานอยู่บนระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานนิวเคลียร์มีน้อยกว่าไฟฟ้าจากระบบพลังงานหมุนเวียน และจะยังคงลดลงต่อไปในอีกหลายปีที่กำลังจะมาถึง การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมีค่าใช้จ่ายหลายสิบล้านล้านบาท อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเหมือนกับเหตุการณ์เชอร์โนบิลหรือเหตุการณ์ในฟุกุชิมะและจะก่อให้เกิดกากกัมมันตภาพรังสีในระดับสูงที่ทำให้เสียชีวิตได้ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มอย่างรวดเร็ว
26 เม.ย.ครบรอบ 33 ปี เหตุโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลระเบิด --26 เม.ย.2529 โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิล (Chernobyl Nuclear Power Plant) ที่เมืองเชอร์โนบิล ประเทศยูเครน (สมัยนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) เกิดระเบิด หลังจากที่ทีมวิศวกรตรวจสอบการทำงานของระบบทำความเย็น โดยปิดระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อแรงดันไอน้ำภายในสูงขึ้นอย่างฉับพลันแต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติกลับไม่ทำงาน ส่งผลให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ระเบิด สารกัมมันตรังสีเกือบทั้งหมดแพร่กระจายสู่บรรยากาศในรัศมี 30 กิโลเมตรมีการเปรอะเปื้อนรังสีสูง ถูกประกาศเป็นเขตอันตราย (Zone of alienation) สารกัมมันตภาพรังสีลอยปนเปื้อนทั้งในอากาศ แม่น้ำ ผืนดิน ทั่วทวีปยุโรปกว่า 3.9 ล้านตารางกิโลเมตร ต้องอพยพประชาชนประมาณ 336,000 คน หลังอุบัติเหตุ รัฐบาลยูเครนพยายามปิดข่าว แจ้งเพียงแค่ว่ามีเจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้าและเจ้าหน้าที่ดับเพลงเสียชีวิตจำนวน 31 คน มีผู้บาดเจ็บจากกัมมันตรังสี 203 คน แต่ด้วยความต้องการไฟฟ้าจำนวนมาก รัฐบาลยูเครนก็สั่งเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เหลือในปี 2534 ก่อนโรงงานจะปิดตัวเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2543 --ในปี 2545 องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้สรุปผลความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตจากแรงระเบิดโดยตรง 47 ราย และคาด ว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีก 9,000 คน จากจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดประมาณ 6.6 ล้านคน นับว่าเป็นหายนะภัยจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดในโลก มันก็ยังไม่เลิกไอ้พวกส้นตีนคนรัสเซีย
กองทัพรัสเซียยึดอดีตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองเชอร์โนบิลทางตอนเหนือของยูเครนแห่งนี้ ไปได้ในวันแรกที่บุกยูเครน แต่ตอนนี้ยูเครนกลับมาควบคุมโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้อีกครั้ง โยกิตา ลิเมอเย ผู้สื่อข่าวบีบีซี เป็นหนึ่งในนักข่าวกลุ่มแรก ๆ ที่ได้เข้าไปดูภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ หลังจากรัสเซียถอนกำลังออกไป ในช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.พ. กองกำลังของรัสเซีย ได้ล้อมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลด้วยรถถังและยานหุ้มเกราะ ขณะบุกเข้ายูเครนจากพรมแดนเบลารุส ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 16 กม. เท่านั้น กองกำลังรักษาดินแดน 170 นาย ของยูเครน ที่ดูแลความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ถูกนำตัวไปขังไว้ที่ชั้นใต้ดิน จากนั้นทหารรัสเซียก็ค้นหาอาวุธและวัตถุระเบิดในบริเวณพื้นที่ของโรงไฟฟ้า บรรดาวิศวกร ผู้ควบคุมตรวจสอบ และเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค ได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อไปได้ ในอีก 2 วันต่อมา รัสเซียได้ส่งคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูของรัสเซีย หรือ Rosatom มาที่นี่ เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ต้องการที่จะควบคุมดูแลโรงไฟฟ้านี้ต่อไป แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว แต่ว่ามีการเก็บกากกัมมันตรังสีไว้ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ซึ่งเคยเกิดเหตุภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดในโลก มีการใช้เงินไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เกิดเหตุนี้ขึ้นในปี 1986 เพื่อทำความสะอาดและควบคุมการปนเปื้อนต่อไป ถ้าไม่มีการควบคุมดูแลสถานที่นี้อย่างเหมาะสม ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้วัตถุนิวเคลียร์รั่วไหลออกมาได้ "พวกเขาต้องการรู้ว่า มีการจัดการดูแลโรงไฟฟ้านี้อย่างไร พวกเขาอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการทุกอย่าง เอกสาร และปฏิบัติการต่าง ๆ ผมกลัวเพราะมีการซักถามไม่หยุดเลย และบางครั้งก็มีการใช้กำลัง" โอเลกซานเดอร์ โลบาดา เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยด้านกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้กล่าว ทุกคนตายฟรีทั้งหมดและเมืองนีร้างทั้งเมือ

ความคิดเห็น

ข่าวที่คนอ่านมาก

ทิศตะวันออกข้าศึกโจมตีมากที่สุดในทิศทางลีมันสกี โทเรตสกี โปโครฟสกี และโนโวปาฟลิฟสกี — เสนาธิการทหารบก📝 มีการปะทะกับฝ่ายยึดครอง 100 ครั้งในแนวรบนับตั้งแต่เริ่มต้นวัน

ทิศตะวันออก ข้าศึกโจมตีมากที่สุดในทิศทางลีมันสกี โทเรตสกี โปโครฟสกี และโนโวปาฟลิฟสกี — เสนาธิการทหารบก 📝 มีการปะทะกับฝ่ายยึดครอง 100 ครั้งในแนวรบนับตั้งแต่เริ่มต้นวัน 🔉จากข้อมูลเสนาธิการทหารบก (ข้อมูลปฏิบัติการเกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซีย): ▪️ในทิศทางใต้-สโลบอซานสกี กองกำลังป้องกันสามารถต้านทานการโจมตีของข้าศึกได้สามครั้งใกล้กับนิคมกลีบอกีและโวฟชันสค์ การปะทะกันอีกครั้งยังคงดำเนินต่อไป ▪️ในทิศทางคูปยานสกี ฝ่ายยึดครองรัสเซียพยายามฝ่าแนวป้องกันของเราสองครั้งไปยังคูปยานสกีและโนโวซีโนโว ▪️ในทิศทางลีมันสกี กองทัพฝ่ายรุกรานได้โจมตีแปดครั้งใกล้นิคมโคโลเดียซี และมุ่งหน้าสู่นิคมชานดรีโฮลอฟ สตาฟกี และซาริชเน มีการสู้รบสองครั้ง ▪️ในทิศทางซิเวอร์สกี การโจมตีของข้าศึกถูกกองกำลังป้องกันตอบโต้สามครั้ง ฝ่ายรุกรานกำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่เซเรบรียันกา และโจมตีไปยังยัมปอล และวิมกา มีการปะทะกันสี่ครั้ง ▪️ในทิศทางครามาทอร์สค์ ข้าศึกพยายามฝ่าแนวป้องกันของฝ่ายป้องกันของเราสองครั้งในพื้นที่นิคมโอเล็กซานโดร-ชูลตีเน และบิลา ฮอรา ▪️ในทิศทางโทเรตสก์ ข้าศึกได้โจมตี 12 ครั้งในพื้นที่เชอร์บินิฟกา โท...

ข้อมูลปฏิบัติการ ณ เวลา 22:00 น. ของวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซียกองกำลังป้องกันกำลังมุ่งหน้าสู่การขัดขวางแผนการรุกของผู้รุกรานชาวรัสเซียและใช้ศักยภาพในการรบให้หมดสิ้น

ข้อมูลปฏิบัติการ ณ เวลา 22:00 น. ของวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซีย กองกำลังป้องกันกำลังมุ่งหน้าสู่การขัดขวางแผนการรุกของผู้รุกรานชาวรัสเซียและใช้ศักยภาพในการรบให้หมดสิ้น นับตั้งแต่เช้าวันนี้ เกิดการปะทะกัน 160 ครั้ง ฝ่ายศัตรูได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศ 50 ครั้ง ทิ้งระเบิดนำวิถี 110 ลูก โจมตีด้วยโดรนพลีชีพ 1,785 ครั้ง และยิงถล่มตำแหน่งของกองกำลังของเรา 3,170 ครั้ง การโจมตีสี่ครั้งโดยฝ่ายรุกรานรัสเซียเกิดขึ้นในทิศทางของสโลโบชานสก์เหนือและเคิร์สก์ ฝ่ายศัตรูเปิดฉากโจมตีทางอากาศสองครั้ง ทิ้งระเบิดนำวิถีห้าลูก และยิงถล่ม 133 ครั้ง รวมถึงห้าครั้งจากระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง ในทิศทางสโลโบชานสค์ใต้ เกิดการปะทะกัน 15 ครั้งในพื้นที่โวฟชันสค์ โอรัดเน ซาปาดเน คุตคิฟกา และในทิศทางโอบูคิฟกา โบโลฮิฟกา ดโวริชานสกี และโคโลเดียซเน ในทิศทางคูเปียนสค์ ข้าศึกได้เปิดฉากโจมตีตำแหน่งของกองกำลังของเรา 12 ครั้งในพื้นที่คูเปียนสค์ เปโตรปาฟลิฟกา โนวายาครูกลียากิฟกา และสเตโปวายาโนโวเซลิฟกา การปะทะกันยังคงดำเนินต่อไปอีกสามครั้ง ในทิศทางไลแมน กองทัพรัสเซียได้บุกโจมตีตำแหน่งของกองกำลังป้องกันย...

ข้อมูลปฏิบัติการ ณ เวลา 08:00 น. ของวันที่ 19 กันยายน 2568 เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซีย❗️สรุปสาระสำคัญ:🔵มีบันทึกการปะทะกันทั้งหมด 223 ครั้งในช่วง 1 วันที่ผ่านมา

🔱ข้อมูลปฏิบัติการ ณ เวลา 08:00 น. ของวันที่ 19 กันยายน 2568 เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซีย ❗️สรุปสาระสำคัญ: 🔵มีบันทึกการปะทะกันทั้งหมด 223 ครั้งในช่วง 1 วันที่ผ่านมา 🔥ในช่วง 1 วันที่ผ่านมา กองกำลังขีปนาวุธและปืนใหญ่ของกองกำลังป้องกันประเทศได้โจมตีศูนย์บัญชาการ คลังกระสุน และพื้นที่สองแห่งที่รวมกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ของข้าศึก 🔵ในทิศทางเหนือของสโลโบชานสกีและเคิร์สก์ในช่วง 1 วันที่ผ่านมา เกิดการปะทะกัน 12 ครั้ง นอกจากนี้ ข้าศึกยังได้โจมตีทางอากาศ 12 ครั้ง ทิ้งระเบิดนำวิถี 31 ลูก และยิงถล่มฐานทัพและนิคมของเรา 152 ครั้ง รวมถึง 6 ครั้งจากระบบปล่อยจรวดหลายลำกล้อง 🔵ในทิศทางใต้-สโลโบชานสค์ ศัตรูได้บุกโจมตีตำแหน่งของหน่วยเรา 15 ครั้ง ใกล้กับนิคมไกลโบเก, โวฟชันสค์, โวฟชันสกี คูทอรี, โอดราเน และในทิศทางโบโลฮิฟกา 🔵ในทิศทางคูเปียนสค์ มีการโจมตีจากฝ่ายยึดครองแปดครั้งตลอดทั้งวัน กองกำลังป้องกันได้สกัดกั้นการโจมตีของศัตรูในทิศทางคูเปียนสค์, โนโวซิโนโวเย, คินดราชิฟกา และในทิศทางโบโรวายา 🔵ในทิศทางลีมันสค์ ศัตรูได้โจมตี 16 ครั้ง โดยพยายามรุกคืบเข้าใกล้นิคมโคโลเดียซี และใน...

ข้อมูลปฏิบัติการ ณ เวลา 08:00 น. ของวันที่ 27 กันยายน 2025 เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซียขอถวายพระพรแด่ยูเครน!วันที่ 13-12 ของการรุกรานยูเครนด้วยอาวุธครั้งใหญ่ของสหพันธรัฐรัสเซียได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ข้อมูลปฏิบัติการ ณ เวลา 08:00 น. ของวันที่ 27 กันยายน 2025 เกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซีย ขอถวายพระพรแด่ยูเครน! วันที่ 13-12 ของการรุกรานยูเครนด้วยอาวุธครั้งใหญ่ของสหพันธรัฐรัสเซียได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มีการบันทึกการปะทะกันทั้งหมด 186 ครั้งในช่วงหนึ่งวันที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ ฝ่ายข้าศึกได้ใช้ขีปนาวุธหนึ่งลูก โจมตีทางอากาศ 67 ครั้ง ใช้ขีปนาวุธหนึ่งลูก และทิ้งระเบิดทางอากาศนำวิถี 142 ลูก นอกจากนี้ยังมีการยิงถล่ม 4,953 ครั้ง โดย 135 ครั้งมาจากระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง และโดรนพลีชีพ 5,924 ลำถูกใช้เพื่อสร้างความเสียหาย ฝ่ายข้าศึกได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศ รวมถึงพื้นที่นิคมเซเรดีนา-บูดา ในภูมิภาคซูมี ตลอดวันที่ผ่านมา กองกำลังทางอากาศ ขีปนาวุธ และปืนใหญ่ของกองกำลังป้องกันประเทศได้โจมตีพื้นที่ 6 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วยกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ ระบบปืนใหญ่ 1 ระบบ และศูนย์บัญชาการของข้าศึก 1 แห่ง ในทิศทางเหนือ-สโลโบชานสกีและเคิร์สก์ เกิดการปะทะกัน 10 ครั้งในวันที่ผ่านมา ฝ่ายข้าศึกได้โจมตีทางอากาศ 10 ครั้ง ทิ้งระเบิดนำวิถี 24 ลูก และยิงกระสุน 208 นัด รวมถึง 12 ครั้งจากระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง ใน...

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายูเครนอาจทำให้รัสเซียส่วนใหญ่ไม่มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างง่ายดายหากต้องการ

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายูเครนอาจทำให้รัสเซียส่วนใหญ่ไม่มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างง่ายดายหากต้องการ 📍เมื่อพิจารณาโครงข่ายไฟฟ้าของรัสเซีย การปล่อยพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเรื่องง่าย เนื่องจากไฟฟ้าทั้งหมดจ่ายผ่านสายส่งแยกต่างหาก ซึ่งสามารถตัดไฟได้ด้วยโดรนเพียงตัวเดียวหากต้องการ นอกจากนี้ ระบบของพวกเขายังไม่ได้รับการซ่อมแซมหรือปรับปรุงใดๆ นับตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต จึงทำให้ระบบทำงานเต็มกำลัง 📍สภาพของสินทรัพย์ถาวรในการผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนมีลักษณะการสึกหรอทางกายภาพสูง ณ สิ้นปี 2563 กำลังการผลิตรวมของกังหันที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี (เริ่มเดินเครื่องก่อนปี 2534) อยู่ที่ประมาณ 107.6 กิกะวัตต์ หรือมากกว่า 65% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของโรงไฟฟ้า TPP 📍ในกรณีของเรา เครือข่ายถูกวางโครงสร้างไว้เหมือนใยแมงมุม ได้รับการปรับปรุงตั้งแต่ช่วงปี 2000 และปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และหลังจากการปิดระบบในปี 2022-2023 เครือข่ายก็ยิ่งขยายวงกว้างมากขึ้น โดยสถานีไฟฟ้าย่อยถูกย้ายไปใต้ดิน ทำให้ไม่สามารถปิดระบบได้นานกว่าหนึ่งสัปดาห์ 📍ในกรณีของพวกเขา สายไฟฟ้าเดินเป็นแถวยาวต่อเนื่องหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเ...

SBU เปิดเผยเครือข่ายเจ้าหน้าที่ FSB ที่ “รั่วไหล” ข้อมูลเกี่ยวกับระบบป้องกันในโดเนตสค์และดนีปรอเปตรอฟสค์ให้กับชาวรัสเซีย

SBU เปิดเผยเครือข่ายเจ้าหน้าที่ FSB ที่ “รั่วไหล” ข้อมูลเกี่ยวกับระบบป้องกันในโดเนตสค์และดนีปรอเปตรอฟสค์ให้กับชาวรัสเซีย หน่วยข่าวกรองของหน่วยงานความมั่นคงได้ทำลายเครือข่ายเจ้าหน้าที่ FSB อีกเครือข่ายหนึ่งในเขตโดเนตสค์และดนีปรอเปตรอฟสค์ ผู้โจมตีได้สอดแนมตำแหน่งของกองกำลังป้องกันที่ศัตรูวางแผนโจมตีจากทางอากาศและด้วยปืนใหญ่พิสัยไกล จากปฏิบัติการพิเศษหลายขั้นตอน เจ้าหน้าที่รัสเซียสี่คนถูกควบคุมตัวพร้อมกันในทั้งสองภูมิภาค สองในนั้นปฏิบัติการเป็นคู่ และอีกสองคนปฏิบัติการแยกกัน แต่ทั้งหมดมีผู้บังคับบัญชาร่วมกันหนึ่งคนจากสหพันธรัฐรัสเซีย เมื่อการสืบสวนดำเนินไป สมาชิก “คู่” เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับเรือนีเปอร์ ซึ่งพวกเขาทำงานอยู่ที่โกดังเก็บอาหารในท้องถิ่น ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย เจ้าหน้าที่ “รั่วไหล” ที่อยู่ของหน่วยทหารที่ซื้อสินค้าจากโกดังของตนให้เขาทราบ เพื่อดำเนินการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้แอบถ่ายภาพเอกสารการจัดส่งพร้อมรายละเอียดของผู้รับและส่งไปยังผู้ดูแลผ่านระบบส่งข้อความ ผู้ต้องขังอีกสองคนอาศัยอยู่ในเขตครามา...

สภาเวอร์คอฟนาอนุมัติการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของยูเครนผู้นำคณะรัฐมนตรี:▪️ยูเลีย สวีรีเดนโก - นายกรัฐมนตรียูเครน

❗️สภาเวอร์คอฟนาอนุมัติการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของยูเครน ผู้นำคณะรัฐมนตรี: ▪️ยูเลีย สวีรีเดนโก - นายกรัฐมนตรียูเครน ▪️มีไคโล เฟโดรอฟ - รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ▪️โอเล็กซี คูเลบา - รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายฟื้นฟู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาชุมชนและดินแดน ▪️ทาราส คัชกา - รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก รัฐมนตรี: ▪️มัตวี บิดนี - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬา ▪️เฮอร์มัน กาลุชเชนโก - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ▪️สวิตลานา กรินชุก - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ▪️เดนิส อุลยูติน - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนโยบายสังคม ครอบครัว และเอกภาพของยูเครน ▪️นาตาลียา คัลมีโควา - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก ▪️อิกอร์ ไคลเมนโก - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ▪️อ็อกเซน ลิซอฟยี - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ ▪️วิกเตอร์ ลียาชโก - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ▪️เซอร์ฮี มาร์เชนโก - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ▪️โอเล็กซี โซโบเลฟ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และเกษตรกรรม

ตามรายงานของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย (SBU) นายพลแห่งกองกำลังรักษาดินแดนรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการสลายการชุมนุมประท้วงในช่วงเริ่มต้นการยึดครองเคอร์ซอนชั่วคราว ถูกตัดสินจำคุกโดยไม่ปรากฏตัว

ตามรายงานของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย (SBU) นายพลแห่งกองกำลังรักษาดินแดนรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการสลายการชุมนุมประท้วงในช่วงเริ่มต้นการยึดครองเคอร์ซอนชั่วคราว ถูกตัดสินจำคุกโดยไม่ปรากฏตัว ตามคำให้การของหน่วยข่าวกรอง พลเอกวลาดิเมียร์ สปิริโดนอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาดินแดนรัสเซียในเขตอูราล ถูกตัดสินจำคุกโดยไม่ปรากฏตัว 15 ปี ตามเอกสารประกอบคดี ในช่วงเริ่มต้นของสงครามเต็มรูปแบบ จำเลยได้มีส่วนร่วมในการยึดครองเคอร์ซอน ในขณะนั้น เขาเป็นผู้นำกองกำลังรวม ซึ่งประกอบด้วยหน่วยยุทธวิธี 4 หน่วย หน่วยรบพิเศษ และหน่วยปฏิบัติการของกองกำลังรักษาดินแดนรัสเซีย หลังจากการยึดครองศูนย์กลางภูมิภาค สปิริโดนอฟเริ่มจัดการปราบปรามผู้เข้าร่วมขบวนการต่อต้านในภูมิภาคดังกล่าว มีบันทึกว่านายพลแห่งรัสเซียเป็นผู้บังคับบัญชาการผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งได้รับคำสั่งให้สลายการชุมนุมประท้วงอย่างสงบในใจกลางเมือง เมื่อการสืบสวนดำเนินไป กลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธได้ลักพาตัวผู้เข้าร่วมการประท้วงและนำตัวไปยังเรือนจำ ภายในห้องขัง เหยื่อถูกทรมานหลายครั้ง ซึ่งฝ่ายศัตรูพยายามใช้เป็นเครื่องมือในการปราบปรามการต่อต้านร...

🥀วันนี้ 29 กันยายน ยูเครนรำลึกถึงเหยื่อของเหตุการณ์บาบิน ยาร์ตลอดสองวัน คือ 29 และ 30 กันยายน ค.ศ. 1941 นาซีได้ยิงชาวยิวมากกว่า 30,000 คนในกรุงเคียฟ เหตุการณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในปฏิบัติการลงโทษครั้งใหญ่ที่สุดของสงครามโลกครั้งที่ 2บาบิน ยาร์เป็นสถานที่แห่งความทรงจำและสุสานของพลเรือนและเชลยศึกราว 100,000 คนที่ถูกนาซียิงในช่วงปี ค.ศ. 1941-1943

🥀วันนี้ 29 กันยายน ยูเครนรำลึกถึงเหยื่อของเหตุการณ์บาบิน ยาร์ ตลอดสองวัน คือ 29 และ 30 กันยายน ค.ศ. 1941 นาซีได้ยิงชาวยิวมากกว่า 30,000 คนในกรุงเคียฟ เหตุการณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในปฏิบัติการลงโทษครั้งใหญ่ที่สุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 บาบิน ยาร์เป็นสถานที่แห่งความทรงจำและสุสานของพลเรือนและเชลยศึกราว 100,000 คนที่ถูกนาซียิงในช่วงปี ค.ศ. 1941-1943 ในจำนวนนี้ ได้แก่ ชาวยิวและโรมานี ทหารกองทัพแดง คอมมิวนิสต์ สมาชิกใต้ดินขององค์กรชาตินิยมยูเครน นักโทษในค่ายกักกันซีเรตสก์ “ผู้ก่อวินาศกรรม” ผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และผู้ป่วยของโรงพยาบาลจิตเวชพาฟลอฟ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาลระหว่างประเทศได้ประณามอาชญากรรมของนาซีและนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกัน รัฐบาลโซเวียตได้ปิดปากและบิดเบือนความทรงจำเกี่ยวกับเหยื่อของบาบินยาร์ โซเวียตพยายามทำลายหุบเขาและสุสานโดยรอบ ระบอบเผด็จการหนึ่งปกปิดความโหดร้ายของอีกระบอบหนึ่ง ลดทอนความรุนแรงของโศกนาฏกรรม และปิดกั้นความทรงจำเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตจากการรำลึกถึงอย่างเหมาะสม วันนี้ ยูเครนกำลังเผชิญหน้ากับระบอบการปกครองที่ไร้มนุษยธรรมและอาชญากร...

รายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน อันดรีย์ ซิบิกา เกี่ยวกับงานของเราในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ การประชุม และข้อตกลงต่างๆ ที่จัดขึ้น

รายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน อันดรีย์ ซิบิกา เกี่ยวกับงานของเราในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ การประชุม และข้อตกลงต่างๆ ที่จัดขึ้น ผู้นำและตัวแทนจากรัฐต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ยูเครนจัดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับภารกิจที่สำคัญต่อยูเครนในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการจัดประชุมสมัยพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ การประชุมสุดยอดไครเมียแพลทฟอร์ม (Crimean Platform Summit) ระดับโลกเป็นครั้งแรก และผู้แทนจากทั่วโลกได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรเพื่อการส่งตัวเด็กยูเครนที่ถูกลักพาตัวโดยรัสเซียกลับคืนสู่ประเทศเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการประชุมกับพันธมิตรมากกว่า 40 รูปแบบในหลายระดับ ได้แก่ ระดับสูงสุด ระดับกระทรวงการต่างประเทศ คณะทำงานรัฐบาล สำนักงาน และเลขานุการสภาความมั่นคงแห่งชาติและการป้องกันประเทศของยูเครน ข้าพเจ้าได้สั่งการให้ดำเนินการตามข้อตกลงทั้งหมดเกี่ยวกับแพ็คเกจสนับสนุนสำหรับยูเครนโดยเร็วที่สุด เราจะดำเนินการตามข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมกับประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นการประชุมที่ม...